PDU ย่อมาจาก Power Distribution Unit ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญในศูนย์ข้อมูลและห้องเซิร์ฟเวอร์สมัยใหม่ ทำหน้าที่เป็นระบบการจัดการพลังงานแบบรวมศูนย์ที่จ่ายพลังงานไปยังอุปกรณ์หลายเครื่อง เพื่อให้มั่นใจว่าการทำงานจะเป็นไปอย่างราบรื่น PDU ได้รับการออกแบบให้รองรับทั้งไฟฟ้าเฟสเดียวและสามเฟส ขึ้นอยู่กับความต้องการของอุปกรณ์ที่ใช้จ่ายไฟฟ้า ไฟฟ้าเฟสเดียวหมายถึงแหล่งจ่ายไฟฟ้าที่ใช้รูปแบบคลื่นเดียวในการจ่ายไฟฟ้า นิยมใช้กันในครัวเรือนและธุรกิจขนาดเล็กซึ่งมีความต้องการใช้ไฟฟ้าค่อนข้างต่ำ ในทางกลับกัน ระบบจ่ายไฟฟ้าแบบสามเฟสใช้รูปแบบคลื่นสามรูปแบบในการจ่ายไฟฟ้า ทำให้มีแรงดันไฟฟ้าและกำลังไฟฟ้าที่สูงขึ้น โดยทั่วไปแล้ว ระบบจ่ายไฟฟ้าประเภทนี้จะใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมและศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ เพื่อแยกความแตกต่างระหว่าง PDU แบบเฟสเดียวและสามเฟส จำเป็นต้องพิจารณาปัจจัยสำคัญบางประการ:
1. แรงดันไฟฟ้าขาเข้า: PDU เฟสเดียวโดยทั่วไปจะมีแรงดันไฟฟ้าขาเข้าที่ 120V-240V ในขณะที่ PDU สามเฟสจะมีแรงดันไฟฟ้าขาเข้าที่ 208V-480V
2. จำนวนเฟส: PDU เฟสเดียวจะจ่ายไฟโดยใช้เฟสเดียว ในขณะที่ PDU สามเฟสจะจ่ายไฟโดยใช้สามเฟส
3. การกำหนดค่าเต้าเสียบ: PDU เฟสเดียวจะมีเต้าเสียบที่ออกแบบมาสำหรับไฟฟ้าเฟสเดียว ในขณะที่ PDU สามเฟสจะมีเต้าเสียบที่ออกแบบมาสำหรับไฟฟ้าสามเฟส
4. ความสามารถในการรับน้ำหนัก: PDU แบบสามเฟสได้รับการออกแบบมาให้รองรับน้ำหนักที่สูงกว่า PDU แบบเฟสเดียว โดยสรุปแล้ว ความแตกต่างหลักระหว่าง PDU แบบเฟสเดียวและสามเฟสอยู่ที่แรงดันไฟฟ้าขาเข้า จำนวนเฟส การกำหนดค่าเต้ารับ และความสามารถในการรับน้ำหนัก การเลือก PDU ที่เหมาะสมโดยพิจารณาจากความต้องการพลังงานของอุปกรณ์ที่จะจ่ายไฟจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้มั่นใจถึงการทำงานที่เชื่อถือได้และมีประสิทธิภาพ
เวลาโพสต์: 19 ธ.ค. 2567